ประวัติ ของ หลวงพ่อโต (บางพลี)

ตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าเมื่อประมาณ 200 กว่าปีก่อน มีพระพุทธรูป 3 องค์ ลอยลงมาจากทางเหนือตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ได้แสดงอภินิหารลอยล่องมาตามลำแม่น้ำและบางครั้งก็แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ผุดให้ผู้คนเห็นจนเป็นที่โจษจันกันทั่วถึงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์

ต่อมาพระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยวกเข้าไปในแม่น้ำท่าจีนจนได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ในเวลาไล่เลี่ยกันพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งก็ลอยวกเข้าไปทางปากแม่น้ำบางปะกง จนได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา

ส่วนอีกองค์หนึ่ง(หลวงพ่อโต)ก็ได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนจะลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง ประชาชนที่พบเห็นต่างก็โจษจันกันไปทั่ว พร้อมกับได้ร่วมกันพยายามอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ก็ไม่สามารถอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นได้สำเร็จ

ผู้มีปัญญาดีคนหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า คงเป็นเพราะบุญญาอภินิหารของท่าน เพราะแม้ว่าจะใช้ผู้คนจำนวนมากก็ยังไม่สามารถอาราธนาฉุดท่านขึ้นบนฝั่งได้สำเร็จ จึงควรจะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่านแล้วใช้เรือพายฉุดท่านให้ลอยไปตามลำคลองสำโรง พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานว่าหากท่านประสงค์จะขึ้นที่ใดก็ขอให้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาหยุด ณ ที่นั้น

เมื่อประชาชนทั้งหลายเห็นพ้องกันดังนั้นแล้ว ก็พร้อมใจกันทำแพผูกชะลอกับองค์ท่านแล้วใช้เรือช่วยกันจ้ำพายจูงแพลอยเรื่อยมาตามลำคลอง ครั้นเมื่อแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงครามหรือวัดบางพลีใหญ่ใน แพที่ผูกชะลอองค์ท่านมาก็เกิดหยุดนิ่ง แม้ว่าจะพยายามจ้ำและพายกันอย่างเต็มที่เต็มกำลังแพนั้นก็ไม่ยอมขยับเขยื้อน

ประชาชนที่มากับเรือและชาวบางพลีจึงได้พร้อมใจกันอาราธนาอัญเชิญองค์ท่านขึ้นจากน้ำ ซื่งก็เป็นที่น่าอัศจรรย์เมื่อใช้คนเพียงไม่มากนักก็สามารถอาราธนาท่านขึ้นจากน้ำได้โดยง่าย ทำให้ประชาชนต่างแซ่ซ้องในอภินิหารของท่านเป็นอย่างยิ่งและได้อาราธนาท่านขึ้นประดิษฐานอยู่ในวิหารนั้นเรื่อยมา

ถวายนามหลวงพ่อโต

การที่ท่านได้รับการถวายนามว่า หลวงพ่อโต นั้นคงเป็นเพราะองค์ของท่านใหญ่โต คือ ใหญ่โตกว่าองค์ที่ลอยน้ำมาด้วยกันทั้ง 2 องค์ ประชาชนจึงพากันถวายนามว่า หลวงพ่อโต และเป็นที่เคารพสักการะของชาวบางพลีและใกล้เคียงในนาม หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน ตราบจนทุกวันนี้

ทั้งนี้ การลำดับว่าพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาพร้อมกันตามตำนานที่สืบต่อกันมา ว่าองค์ไหนองค์พี่ องค์กลางและองค์น้องนั้นเข้าใจว่าคงจะนับเอาองค์ที่อาราธนาขึ้นจากน้ำได้ก่อนเป็นองค์พี่ ขึ้นจากน้ำองค์ที่ 2 เป็นองค์กลาง ขึ้นจากน้ำองค์ที่ 3 เป็นองค์น้องตามลำดับ คือ

  • ตำนาน 5 องค์ จะเพิ่มอีก 2 ลำดับที่ลอยจากแม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่ทะเลอ่าวไทยตอนใน (อ่าวกรุงเทพ) โดยพี่น้องชาวประมงจากอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีได้สาวอวนติดพระพุทธรูป จำนวน 2 องค์ แต่ตอนกลับเข้าฝั่งเกิดกลุ่มเมฆฝนพายุด้านฝั่งบ้านแหลม ชาวประมงกลุ่มนี้จึงได้หันหัวเรือเข้าไปหลบฝนในแม่น้ำแม่กลองแทน แต่ฝนก็ยังคงตกหนักตามต่อไป จนถึงหน้าวัดศรีจำปา เรื่อได้ล่มและพระพุทธรูปได้จมลงในแม่น้ำหน้าวัด จำนวน 1 องค์ ด้วยความที่แม่น้ำกว้างและลึก จึงนำพระพุทธรูปที่เหลือกลับเข้าไปทางแม่น้ำบางตะบูน (ลำนำสาขาแม่น้ำเพชรบุรี) โดยนำไปประดิษฐานที่วัดเขาตะเครา ในตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ภายหลังประชาชนเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "หลวงพ่อทอง" บ้างก็เรียกว่า "หลวงพ่อเขาตะเครา" หลังจากนั้นแล้ว กลุ่มชาวประมงชุดดังกล่าวได้นำเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องจากอำเภอบ้านแหลม กลับไปยังที่เกิดเหตุเพื่องมหาพระพุทธรูปอีกองค์เพื่อนำมายังจังหวัดเพชรบุรี แต่ปรากฏว่าชาวแม่กลองที่ทราบข่าวเรื่องเรือชาวประมงอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีได้ชักลากอวนติดพระพุทธรูป 2 องค์แล้วเรื่อได้มาล่มอยู่ในแม่น้ำแม่กลอง หน้าวัดศรีจำปา ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จึงได้ชักชวนกันไปงมนำขึ้นมาประดิษฐาน ณ วัดศรีจำปา เมื่อชาวบ้านแหลมมาถึงก็ได้ทวงคืนพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวจากชาวแม่กลองคืน แต่ชาวแม่กลองก็อยากได้พระพุทธรูปดังกล่าวไว้ประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ อีกทั้งคนแม่กลองรุ่นเก่าบางคนก็อพยบมาจากอำเภอบ้านแหลมด้วย จึงได้เสนอข้อตกลงเปลี่ยนชื่อวัด จากชื่อ "วัดศรีจำปา" เป็น "วัดบ้านแหลม" ประชาชนจึงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "หลวงพ่อวัดบ้านแหลม" ตราบถึงปัจจุบันแม้ชื่อวัดอย่างเป็นทางการจะใช้ชื่อว่า "วัดเพชรสมุทร" แล้วก็ตาม ก็ยังมีคำว่า "เพชร" ซึ่งหมายถึง "เมืองเพชร" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันของชาวแม่กลองและเพชรบุรี

อุโบสถหลังใหม่

หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน ได้ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังเดิมเรื่อยมา จนเมื่อมีโครงการรื้อวิหารนั้นเพื่อสร้างเป็นพระอุโบสถที่ถาวร จึงต้องอาราธนาองค์ท่านมาพักไว้ยังศาลาชั่วคราว จนกระทั่งสร้างพระอุโบสถสำเร็จแล้ว จึงได้อาราธนาท่านกลับไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถเพื่อเป็นพระประธานของวัดบางพลีใหญ่ใน

เล่ากันว่าเมื่อคราวสร้างพระอุโบสถเสร็จใหม่ๆ ได้วัดช่องประตูพระอุโบสถกับองค์หลวงพ่อโต ปรากฏว่าช่องประตูใหญ่กว่าองค์พระประมาณ 5 นิ้ว ซึ่งสามารถนำองค์หลวงพ่อโตผ่านเข้าไปได้

แต่พอถึงคราวอาราธนาจริงกลับปรากฏว่าองค์หลวงพ่อใหญ่กว่าประตูมาก คณะกรรมการจำนวนหนึ่งเห็นว่าควรทุบช่องประตูทิ้ง แต่อีกจำนวนหนึ่งเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตจึงได้พร้อมใจกันอธิษฐานขอให้หลวงพ่อโตสามารถผ่านเข้าประตูได้เพื่อเป็นมิ่งขวัญคุ้มครองชาวบางพลีสืบไป ซึ่งเมื่ออธิษฐานเสร็จก็กลับอาราธนาหลวงพ่อโตผ่านประตูได้โดยสะดวกโดยที่ไม่ต้องทุบช่องประตูแต่อย่างใด แถมยังมีช่องว่างระหว่างองค์หลวงพ่อกับประตูพระอุโบสถเสียอีก

ใกล้เคียง

หลวงพ่อโต หลวงพ่อโต (บางพลี) หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ หลวงพ่อโต (วัดหน้าพระธาตุ) หลวงพ่อโอภาสี หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ หลวงพ่อติ้ว หลวงพ่อตากสิน หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อไตรรัตน์โรจน์ฤทธิ์